นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในฐานะประธานในพิธีการเปิดคลังน้ำมันเชื้อเพลิง (NFCT Fuel Tank Farm Project) ของ บริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด เปิดเผยว่า ต้องขอแสดงความชื่นชมในความร่วมมือที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งการที่บริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด เข้ามามีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาค และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการลงทุนตามนโยบายภาครัฐในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ( EEC) เพื่อต่อยอดทางธุรกิจ พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายน้ำมันของประเทศ และตอบสนองนโยบายภาครัฐต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้โครงการฯ จะประกอบไปด้วย คลังน้ำมัน และถังจัดเก็บน้ำมันแก๊สโซลีนพื้นฐาน จำนวน 6 ถัง ขนาดความจุรวม 90 ล้านลิตร เพื่อใช้รองรับน้ำมันที่ขนถ่ายมาจากเรือขนน้ำมันนำเข้าขนาดกลาง (medium range) ก่อนที่จะขนสูบผ่าน 2 ทาง คือ ผ่านท่อขนส่งน้ำมันเข้าสู่ระบบท่อส่งน้ำมันของผู้ประกอบการขนส่งน้ำมันทางท่อ และเข้าสู่เรือขนส่งน้ำมันขนาด 2,000-3,000 DWT โดยมูลค่ารวมของโครงการฯ อยู่ที่ประมาณ 2,570 ล้านบาท หรือ 83 ล้านเหรียญสหรัฐ
“โครงการนี้จะช่วยส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนด้านพลังงาน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระดับภูมิภาค รองรับความต้องการเชื้อเพลิงของภาคการขนส่งและคมนาคม และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจตามนโยบายด้านต่างๆ ของภาครัฐ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ของประเทศได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายน้ำมันของประเทศ และตอบสนองนโยบายภาครัฐต่อไปในอนาคต ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางพลังงานที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง”
นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการและกรรมการบริหารฝ่ายการเงิน บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าโครงการคลังน้ำมันและท่อส่งน้ำมัน โดย บริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด เป็นโครงการที่เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งที่มีศักยภาพในการรองรับความต้องการในการเก็บและจัดส่งน้ำมันของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชลล์ เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย และจะสามารถส่งเสริมนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ตลอดจนสนับสนุนนโยบายเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของภาครัฐที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ซึ่งหวังว่าโครงการคลังน้ำมันและท่อส่งน้ำมันนี้ จะบรรลุวัตถุประสงค์โครงการ ตลอดจนช่วยยกระดับอุตสาหกรรม กระตุ้นเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมยิ่งขึ้นไป
นายณัฐพงษ์ รัตนสุวรรณทวี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็นเอฟซีที จำกัด กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการลงทุนเพื่อขยายขอบเขตธุรกิจการให้บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าเหลวของกลุ่มเอ็นเอฟซี เพื่อสนับสนุนรายได้ใก้แก่ธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายและกระจายความเสี่ยงของการลงทุน ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพและส่งผลให้ธุรกิจในภูมิภาคเติบโตมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงาน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระดับภูมิภาค รองรับความต้องการเชื้อเพลิงของภาคการขนส่งและคมนาคม และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐด้านต่างๆ และยังมีส่วนสำคัญอย่างมาก ในการลดการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากการขนส่งทางท่อทำให้ลดปริมาณการขนส่งทางรถยนต์ ซึ่งจะมีส่วนทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางพลังงานที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง
“เอ็นเอฟซีที มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในโครงการคลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง และบริการระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ โดยโครงการดังกล่าว ถือเป็นการลงทุนเพื่อขยายขอบเขตธุรกิจการให้บริการด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้าเหลว ของกลุ่มบริษัทเอ็นเอฟซี เพื่อสนับสนุนรายได้ให้แก่ธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายและกระจายความเสี่ยงของการลงทุน บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าว จะช่วยเสริมศักยภาพและส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตมากยิ่งขึ้น ”
*******************
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
คุณอชิรญา ระเบียบนาวีนุรักษ์ (จอย) โทร. 099-265-3563
คุณภัสร์นลิน ใจดี (โรส) โทร. 099-3955162